ปลาดุกบิ๊กอุย เป็นปลาที่ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างปลาดุกอุยเพศเมีย กับปลาดุกยักษ์เพศผู้ ทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตสูง เลี้ยงง่าย อีกทั้งยังทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมได้ดี มีรสชาติดี จำหน่ายได้ราคาดี
การเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย จะเป็นการเลี้ยงในบ่อพลาสติก ซึ่งเป็นพลาสติด PVC ขนาดกว้าง ๓.๕ เมตร ยาว ๖ เมตร ซึ่งเกษตรกรสามารถเตรียมบ่อและเลี้ยงปลาได้ด้วยตนเอง
การเตรียมบ่อเลี้ยง
๑. ขุดดินให้ลึกประมาณ ๐.๒๕ เมตร โดยยกคันบ่อขึ้นให้สูงจาพื้นดิน ๐.๒๕ เมตรเช่นกัน ความลาดชัน ๑ : ๒ แล้วใช้พลาสติกขนาด ๓.๕X๖ เมตร ปูพื้นบ่อ ต้องระวังไม่ให้ขาดหรือมีรอยรั่ว หรือจะยกคันบ่อให้สูงอีกเป็น ๕๐ เซนติเมตร โดยใช้กระสอบทรายทำเป็นคันบ่อเลยก็ได้
๒. หลังจากปูพลาสติกขนาดดังกล่าวแล้ว จะเหลือพื้นที่ดำเนินการเลี้ยง กว้าง ๑.๕ เมตร ยาว ๔ เมตร ลึก ๐.๕ เมตร ใส่น้ำในบ่อพลาสติกพักไว้ให้มีระดับสูง ๑๐ – ๒๐ เซนติเมตร ก่อนปล่อยลูกปลา (หากใช้น้ำประปาควรพักน้ำไว้ในบ่ออย่างน้อย ๑ – ๒ วัน เพื่อให้ฤทธิ์คลอรีนระเหยให้หมดก่อนจึงค่อยปล่อยลูกปลาลงเลี้ยง)
อัตราการปล่อย
ลูกพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุยขนาด ๕ – ๗ เซนติเมตร ปล่อยในอัตรา ๕๐ – ๘๐ ตัว/ตางเมตร เมื่อลูกปลาเติบโตขึ้นค่อย ๆ เพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้นตาม (เพิ่มระดับน้ำ ๕ ซม./สัปดาห์)
การถ่ายเทน้ำ
๑. เริ่มเลี้ยงระดับน้ำลึก ๓๐ ซม.
๒. เพิ่มระดับน้ำสัปดาห์ละ ๕ ซม.
๓. ระดับน้ำสูงสุดไม่เกิน ๕๐ ซม.
๔. ถ่ายเทน้ำทุก ๔ – ๗ วัน
๕. ขณะถ่ายเทน้ำไม่ควรรบกวนให้ปลาดุกตกใจ เพราจะทำให้ปลาดุกไม่กินอาหารหลายวัน
อาหารและการให้อาหาร
ให้อาหารเม็ดประมาณ ๓ – ๗ % ของน้ำหนักตัวปลา หรืออาจใช้อาหารทดแทน เช่นไส้ไก่ ปลวก ฯลฯ แต่ต้องหมั่นถ่ายเทน้ำ เพราะอาหารพวกนี้จะทำให้น้ำเสียเร็ว ให้อาหารวันละ ๒ ครั้ง พออิ่ม ให้อาหารกระจายทั่วบ่อ เพราะปลาจะได้กินอย่างทั่วถึง
วิธีป้องกันการเกิดโรค
๑. ควรเตรียมบ่อและน้ำตามวิธีที่เหมาะสมก่อนปล่อยลูกปลา
๒. ซื้อพันธุ์ปลาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรแข็งแรงและปราศจากโรค
๓. หมั่นตรวจความดูความผิดปกติของปลาอย่างสม่ำเสมอ
๔. เปลี่ยนถ่ายน้ำเก่าออกประมาณ ๒๐ – ๓๐ % ของน้ำเก่าแล้วเติมน้ำใหม่ให้ดะดับเหมือนเดิม
๕. อย่าให้อาหารจนเหลือ และระวังอย่างให้อาหารตกค้างในบ่อ เพราะจะทำให้น้ำเสียเร็ว
ผลผลิตและการเจริญเติบโต
เมื่อเลี้ยงปลาได้ประมาณ ๒ – ๓ เดือน ปลาจะมีขนาดประมาณ ๑๐๐ – ๒๕๐ กรัม/ตัว โดยมีอัตราการรอดประมาณ ๘๐ – ๙๐ % ซึ่งจะทำให้มีปลาประมาณ ๓๐ – ๕๐ ก.ก./บ่อ คิดเป็นมูลค่าปลาประมาณ ๑,๕๐๐ ๒ ,๕๐๐ บาท (ราคากิโลกรัมละ ๕๐ บาท ในตลาดท้องถิ่น)